การบริโภคแคลเซียมอย่างเพียงพอเป็นหนึ่งในวิธีการป้องกันโรคกระดูกพรุนที่สำคัญ เพราะแคลเซียมเป็นแร่ธาตุหลักที่ช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกและป้องกันการสูญเสียมวลกระดูกเมื่ออายุมากขึ้น โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้หญิงหลังหมดประจำเดือนที่มีความเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนมากขึ้น
บทบาทของแคลเซียมในการป้องกันโรคกระดูกพรุน
- เสริมสร้างความหนาแน่นของกระดูก: แคลเซียมเป็นส่วนประกอบหลักของกระดูกและฟัน การได้รับแคลเซียมเพียงพอช่วยให้กระดูกหนาแน่น แข็งแรง และมีโครงสร้างที่สมบูรณ์
- ชะลอการสูญเสียมวลกระดูก: เมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายจะมีการดูดซึมแคลเซียมลดลงและมีการสลายแคลเซียมออกจากกระดูกมากขึ้น การบริโภคแคลเซียมที่เพียงพอจะช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของกระดูก
- ลดความเสี่ยงของกระดูกแตกหัก: กระดูกที่หนาแน่นและแข็งแรงจะมีความเสี่ยงต่อการแตกหักจากการกระแทกหรือล้มลดลง แคลเซียมจึงช่วยเสริมความแข็งแรงให้กระดูกและป้องกันการบาดเจ็บที่เกี่ยวข้องกับโรคกระดูกพรุน
ปริมาณแคลเซียมที่ควรบริโภคต่อวัน
- เด็กและวัยรุ่น (อายุ 9-18 ปี): 1,300 มก. ต่อวัน เนื่องจากเป็นช่วงวัยที่กระดูกกำลังเติบโตและสะสมมวลกระดูก
- ผู้ใหญ่ (อายุ 19-50 ปี): 1,000 มก. ต่อวัน
- ผู้หญิงวัยหมดประจำเดือนและผู้สูงอายุ (อายุ 51 ปีขึ้นไป): 1,200 มก. ต่อวัน เนื่องจากในวัยนี้มีการสูญเสียแคลเซียมจากกระดูกมากขึ้น
ประโยชน์ของแคลเซียมจากแหล่งอาหาร
- การได้รับแคลเซียมจากอาหารเป็นวิธีที่ดีที่สุด โดยแหล่งแคลเซียมธรรมชาติที่ดี ได้แก่:
- ผลิตภัณฑ์นม: นม โยเกิร์ต และชีส มีแคลเซียมสูงและดูดซึมได้ดี
- ผักใบเขียว: คะน้า บรอกโคลี และปวยเล้ง
- ปลาและอาหารทะเล: เช่น ปลาเล็กปลาน้อย ปลาซาร์ดีน และปลาทูน่า
- ถั่วและธัญพืช: อัลมอนด์ งาดำ และเมล็ดเจีย
- ผลิตภัณฑ์ที่เสริมแคลเซียม: เช่น น้ำส้มและซีเรียลบางชนิด
การดูดซึมแคลเซียมที่ดีขึ้นด้วยวิตามินดี
การเสริมแคลเซียมควรทำควบคู่กับการได้รับวิตามินดี เนื่องจากวิตามินดีมีบทบาทสำคัญในการช่วยร่างกายดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่กระดูก สามารถรับวิตามินดีได้จากแสงแดดในช่วงเช้า อาหารที่มีวิตามินดีสูง (เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า และไข่แดง) หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารหากจำเป็น
การออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกระดูก
การออกกำลังกายแบบแบกน้ำหนัก (weight-bearing exercise) เช่น เดิน วิ่ง ยกน้ำหนัก และการออกกำลังกายที่เพิ่มแรงต้าน ช่วยเพิ่มความหนาแน่นของกระดูกและเสริมสร้างความแข็งแรง การออกกำลังกายควบคู่กับการบริโภคแคลเซียมเพียงพอจะช่วยลดความเสี่ยงของโรคกระดูกพรุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
คำแนะนำในการเสริมแคลเซียม
ในกรณีที่ไม่สามารถได้รับแคลเซียมจากอาหารได้เพียงพอ การใช้ผลิตภัณฑ์เสริมแคลเซียมเป็นทางเลือกที่ดี อย่างไรก็ตาม ควรปรึกษาแพทย์ก่อนเพื่อให้ได้ปริมาณแคลเซียมที่เหมาะสมและป้องกันไม่ให้ได้รับเกินจำเป็น ซึ่งอาจมีผลข้างเคียง เช่น การเกิดนิ่วในไต
ข้อสรุป
การบริโภคแคลเซียมอย่างเพียงพอและสม่ำเสมอจะช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนในระยะยาว ทำให้กระดูกมีสุขภาพดี ลดความเสี่ยงการบาดเจ็บ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นในวัยสูงอายุครับ