ทราบหรือไม่ว่า ผักหลากสี ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี และทานกันเป็นปกติในทุก ๆ วันนั้น ให้วิตามินและแร่ธาตุที่มีประโยชน์แตกต่างกัน! ซึ่งมีส่วนช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น ควบคุมน้ำหนัก ช่วยป้องกันโรค นอกจากนี้ยังมีประโยชน์ต่าง ๆ อีกมากมาย ดังนี้
ประโยชน์ของผักหลากสี
สีเขียว
เช่น คะน้า ผักบุ้ง แตงกวา มีวิตามิน A C K มีคุณสมบัติช่วยสร้างเซลล์ใหม่ บำรุงตา และเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรค
สีแดง
เช่น มะเขือเทศ พริกหวาน สตรอว์เบอร์รี่ มีไลโคปีนที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ และบำรุงผิวให้สุขภาพดี
สีส้ม
ผักสีส้ม เช่น แครอท มะละกอ ฟักทอง มีเบต้าคารอทีนที่ช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันโรค รวมถึงดีต่อสายตา
สีม่วง
ผักสีม่วง เช่น มะเขือม่วง กระเจี๊ยบ มีแอนโทไซยานินที่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ และช่วยในการควบคุมความดันโลหิต
สีน้ำเงิน
เช่น บลูเบอร์รี่ จะช่วยต้านอนุมูลอิสระ และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ
สีเขียวอมเหลือง
ผักในกลุ่มนี้ เช่น ต้นหอม หัวไช้เท้า กระเทียม มีซัลเฟอร์ที่ช่วยป้องกันการเกิดมะเร็ง
สีน้ำตาล
ผักสีน้ำตาล เช่น ถั่ว เห็ด มีไฟเบอร์และโปรตีน ที่ช่วยเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร
สีขาว
เช่น มันฝรั่ง มีวิตามิน C โพแทสเซียม และไฟเบอร์ ช่วยย่อยอาหารและเสริมสร้างระบบทางเดินอาหาร
ทานผักอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพ ?
ทานผักหลากสี
ในแต่ละวันควรทานผักจากแต่ละกลุ่มสีอย่างน้อยหนึ่งกลุ่ม เพื่อรับสารอาหารที่หลากหลาย และครบถ้วนมากขึ้น
ทานผักสด
ผักสดมีวิตามินและแร่ธาตุที่สูงกว่าผักที่ถูกปรุงอาหารมาแล้ว เช่น แตงกวา หน่อไม้ สลัด
ไม่ควรต้มผักนานเกินไป
จะทำให้วิตามินและแร่ธาตุในผักหลายชนิดสูญเสียไป ควรต้มแค่ให้ผักนุ่มและสามารถทานได้
ทานผักที่ปลูกจากการทำเกษตรอินทรีย์
ผักที่จากการทำเกษตรอินทรีย์มีสารพิษน้อยกว่า และมักจะมีรสชาติที่ดีกว่า ทำให้เราสามารถทานผักได้ง่ายขึ้น
กล่าวโดยสรุป
การรับประทานผักหลากหลายสี นอกจากจะให้วิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และเสริมสร้างภูมิคุ้มกันโรคแล้ว ยังช่วยในการควบคุมน้ำหนัก และเพิ่มความหลากหลายในการทานอาหารอีกด้วย ควรทานผักให้ครบทุกสีมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ในแต่ละวัน รวมถึงให้ความสำคัญกับโภชนาการที่ครบถ้วน เพื่อสุขภาพที่ดีของตัวคุณเอง